เที่ยวตามรอยพ่อ ณ’ ดอยอ่างขาง
การเดินทางไปดอยอ่างขางถ้าอยากสะดวกสบายสามารถขับรถขึ้นไปได้เลยค่ะ มีทางขึ้นสองด้านต้องศึกษาเส้นทางให้ดี เพราะเป็นทางขึ้นเขาจะมีความชัน หากใครขับไม่คล่องแนะนำว่าให้ไปรถสาธารณะค่ะ สำหรับรถสาธารณะเราจะต้องนั่งรถสายเชียงใหม่ – ฝาง โดยจะมีรถสาธารณะที่ไปได้อยู่สองประเภทคือ คือรถตู้ 150 บาท และรถบัส 85 เราเลือกนั่งรถตู้ รอบเวลาการออกทุกชม.ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นของทุกวัน ขึ้นสถานีขนส่งช้างเผือก เฟย์ตั้งใจว่าจะออกเดินทางตอนบ่ายโมงเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกที่ม่อนสน จุดที่เราจะไปกางเต้นท์นอน แต่ว่ารถเต็ม ต้องรอกว่า 2 ชม. กว่าจะได้ออกก็บ่ายสองครึ่งแล้วทำให้เราไปถึงอ่างขางหัวค่ำเลยค่ะ
จุดสำคัญคือจะต้องบอกคนขับรถว่าลงที่ ‘หน้าวัดหาดสำราญ‘ ซึ่งเป็นปากทางขึ้นดอยอ่างขาง แต่ถามว่าเฟย์ได้บอกไหม…เปล่าคะ ห้าห้าห้า ก็เข้าใจว่าพี่เขาน่าจะรู้ว่าก็นั่งมาเรื่อยๆ จนปลายทาง
พี่คนขับ : หนูจะไปไหนเนี่ย?
เฟย์ : ไปอ่างขางค่ะ
พี่คนขับ : อ้าวว นี่มันสุดทางแล้ว เลยมา 15 กิโลได้แล้ว
เฟย์ : ยืนไว้อาลัยตัวเองงงๆ พักนึง…
แต่ก็ถือเป็นโชคดีของเฟย์ที่แถวนั้นมีวินมอเตอร์ไซต์ ก็ต้องยอมเสียเงินเป็นร้อยเพื่อนนั่งย้อนกลับไป ฝันที่จะได้ดูพระอาทิตย์ตกบนเขาก็ต้องเปลี่ยนเป็นดูบนมอเตอร์ไซต์แทน เมื่อมาถึงหน้าวัดก็เหลือรถสองแถวให้เราแค่คันสุดท้ายแล้วด้วย ซึ่งราคาการเหมาจะแล้วแต่ความสามารถเลยค่ะ เราเลือกไปแบบทั้งในสถานีเกษตรและรอบนอก สนราคาอยู่ที่ 2,400 บาท เป็นอันว่าอย่างน้อยพรุ่งนี้มีรถเที่ยวแล้ว แต่ยังไม่มีที่นอนเพราะกะไปตายเอาดาบหน้ากับการนอนเต้นท์ เรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวที่เตรียมการมาดีมากจริงๆ ห้าห้าห้า
พี่คนขับรถแนะนำเราว่า ถ้าอยากนอนเต้นท์ให้นอนที่ม่อนสนจะสวยกว่า เราก็เลยตามพี่เขามาเลย ก็จะเห็นเป็นลานกางเต้นท์ริมผา ยาวเรียงกันไปเป็นขั้นๆ มีป้อมเล็กๆ ของทหารที่สามารถขอยืมชาร์ตไฟได้ เต้นท์ของเราไม่ใช่อันนี้นะคะ แต่ใหญ่มากสามารถนอนได้ 2-3 คนในราคา 500 บาท มีหมอน เบาะรองนอนและผ้าห่มให้พร้อม ส่วนไฟฉายหากใครไม่ได้เตรียมไปมีให้เช่าเยอะแยะเลย ที่อาบน้ำอุ่นก็มี เป็นของร้านค้าแถวๆ นั้นที่ต้มน้ำให้อาบค่ะ
มือเย็นต้องนี้เลย หมูกระทะ!!! เห้ยยไม่น่าเชื่อว่ามันได้ฟิลล์มาก แนะนำร้านในสุด สะอาดดี เพราะว่าผัก และ เนื้อหมู ลูกชิ้นต่างๆ เขาจะแพ็คแบบแร็ปพลาสติกมาอย่างดี ส่วนน้ำจิ้มก็อร่อยเลยหล่ะ ที่ชอบที่สุดคือ เราสามารถให้เขายกมาทั้งเตาถ่านมานั่งปิ้งกินริมผาได้เลย ระหว่างทานก็จะได้ยินเสียงกีต้าร์จากเต้นท์อื่นๆ ลอยมา สนุกสนานเชียวค่ะ
จุดชมวิวม่อนสน
ราวๆ ตี 5 ผู้คนเริ่มตื่นกันแล้วคะ จุดชมวิวที่ม่อนสนเริ่มถูกจับจอง แต่ว่าฟ้าที่นี่จะสว่างช้าราวๆเกือบ 7 โมง เพราะงั้นเรายังคงต้องรอกันต่อไป แต่ไม่ต้องห่วงว่า อ่าวว คนเต็มแล้วจะชมวิวที่ไหนชัดๆ? ตามขั้นบันไดของเต้นท์เลยคะ จริงๆแล้ว ถ้ามาติดคนตรงนี้ก็สวยไปอีกแบบนะว่าไหม
ฟ้าสว่างแล้ว สวยงามมาก เสียดายที่อุณหภูมิไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ ราวๆ 10 กว่าองศา ก็เลยไม่มีทะเลหมอกให้ได้ชมกัน แถมฟ้ายังปิดอีก เมฆบังพระอาทิตย์ซะหมด แต่บรรยากาศรอบๆ ตัวเรายังคงน่ารัก ครอบครัวพากันมาถ่ายรูป คู่รักมุ้งมิ้งเซลฟี่กัน นับเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดีจริงๆ
บรรยากาศแบบพาโนรามาตอนพระอาทิตย์ขึ้นคะ สวยงามจริงๆ ถ้ามีทะเลหมอกและฟ้าเปิดไม่ยิ่งสวยหรอ เนอะ
ไร่ชา 2000
เมื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ม่อนสอนแล้ว เราแวะหาข้าวเช้าทางแถวนั้นจะมีทั้งโจ๊ก น้ำเต้าหู้ ซาลาเปา หรือจะหมูกระทะแต่เช้าก็แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ จากนั้นพี่รถสองแถวที่เราเหมาไว้ก็เริ่มสตาร์ทัวร์ โกโกโก!! เริ่มที่แรกกันที่ ไร่ชา2000 ตรงนี้สามารถเดินลงไปถ่ายรูปได้เลย เป็นลักษณะแบบขั้นบันไดเรียงลงไป
เฟย์ : เมื่อเช้าเสียดายไม่เห็นทะเลหมอกเลยอะพี่
คนขับ : อ่าวไม่บอกหล่ะครับ ผมก็ว่าไม่น่าเห็นเพราะอากาศไม่ค่อยหนาว ถ้ามาตรงนี้นะเห็นชัวร์ ลงทุกเช้า
เฟย์ : อ่าววว..แล้วใครเลยจะรู้ ~~~
สรุปว่าเราก็อดเห็นทะเลหมอกทั้งที่ม่อนสนและไร่ชาไปตามระเบียบ
ไร่สตรอว์เบอร์รี่ ขอบด้ง
จากนั้นก็ไปต่อกันที่ไร่สตรอว์เบอร์รี่ ขอบด้ง แน่นอนว่าไม่ได้ชมทะเลหมอกแล้ว ก็ต้องไม่เห็นสตอเบอรี่สีแดงตามระเบียบ… เอ่อออ คือ… ห้าห้าห้า แต่ก็ยังพอมีลูกขาวๆ นิดหน่อยนะคะ สำหรับที่นี่เค้าจะอนุญาตให้เดินลงได้แค่ 3-4 ขั้นเท่านั้น เหตุเพราะบางทีนักท่องเที่ยวทำให้ผลิตผลของชาวเขาเสียหาย เราก็ช่วยกันรักษากฏด้วยนะคะ
สถานีเกษตรหลวง อ่างขาง
จากนั้นก็ก็เข้าไปในสถานีเกษตรหลวง ดอยอ่างขางได้เลย ดอกไม้นานาชนิดเต็มไปหมด แต่ไฮไลท์อยู่ที่นี่เลย เจ้าดอกสีชมพูที่เริ่มบาน สำหรับในสถานีเกษตรจะเป็นดอกซากุระญี่ปุ่นแท้ๆ เลยนะคะ แต่ถ้าหากอยากชมนางพญาเสือโคร่ง สามารถไปตามขุนช่างเคียน ขุนวาง พวกนี้ได้ จะทอดตัวยาวตามถนนสวยงามเลยหล่ะ นอกจากนี้ก็จะมีพันธุ์ไม้อื่นๆ ที่สามารถเดินชมได้โดยทั่ว
อีกหนึ่งสวนที่ได้รับความนิยมมากคงหนีไม่พ้น สวนดอกบ้วย ต้นบ้วยออกดอกสีขาวเป็นดอกเล็กๆ น่ารักเต็มต้น จุดนี้อยู่ใกล้บริเวณด้านหน้าของโครงการแล้วค่ะ ฝั่งตรงข้ามก็ยังมีแปลงดอกไม้และแปลงผักต่างๆ
พอเดินมาใกล้สุดด้านหน้าโครงการ ก็จะมีโดมที่ปลูกพืชทนความแล้ง มีทั้งกระบองเพชรใหญ่เล็ก หน้าตาแปลกๆ เต็มไปหมด คือในสถานีเกษตรมันมีมากมายจริงๆ สามารถเดินเล่นได้เรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก =]
เดินจนครบก็ได้เวลาลงดอย แต่เอ๊ะ ไม่มีรถตู้ ทำไงดี… พี่ที่ท่ารถบอกว่า จองเต็มหมดแล้วว น้องต้องข้ามถนนแล้วรอโบกรถทัวร์เอานะ เอาก็เอา.. นั่งรถทัวร์กลับ นานโฮก แต่มันก็สนุกอีกแบบ เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านทีขึ้นลง
เฟย์หายสงสัยเลยทำไมใครๆ ก็ไปดอยอ่างขาง มันได้ฟิลลิ่งจริงๆ นะ ไม่รู้ทำไมบรรยากาศความชิลล์ ความลำบากที่ต้องนั่งรถสองแถวแสนเวียนหัว ความเย็นที่ปะทะใบหน้า ความผิดพลาดหลายๆ อย่างเพราะไม่ได้เตรียมตัวไปให้ดี แต่ ‘ดอยอ่างขาง’ เป็นที่ที่คุณมาแล้วจะต้องหลงรักแน่นอน